บทเรียน: Part of Speech (ชนิดของคำ) – แนว Grammar เชิงวิเคราะห์

บทนำ

ในภาษาอังกฤษ Part of Speech หมายถึงชนิดของคำที่ทำหน้าที่ต่างกันในประโยค เช่น คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ ฯลฯ การเข้าใจและวิเคราะห์ชนิดของคำเหล่านี้อย่างแม่นยำจะช่วยให้ผู้เรียนสามารถตีความ โครงสร้าง และวิเคราะห์ประโยคได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Grammar เชิงวิเคราะห์จะไม่เพียงจำกัดอยู่ที่การจำว่า "noun คืออะไร" หรือ "verb ใช้เมื่อไร" เท่านั้น แต่จะลงลึกถึงหน้าที่ของคำในบริบทประโยคจริง เพื่อแยกแยะหน้าที่ตามโครงสร้าง (syntactic function) และความหมาย (semantic role)


1. Nouns (คำนาม)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • ทำหน้าที่เป็น ประธาน (subject), กรรมตรง (direct object), กรรมรอง (indirect object) หรือ กรรมของบุพบท (object of preposition)
  • อาจทำหน้าที่เป็น ส่วนเติมเต็ม (complement) ในโครงสร้างประโยคบางแบบ

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
ในประโยค "The teacher gave the students homework."

  • The teacher = Noun ทำหน้าที่เป็นประธาน
  • the students = Noun ทำหน้าที่เป็นกรรมรอง (indirect object)
  • homework = Noun ทำหน้าที่เป็นกรรมตรง (direct object)

2. Verbs (คำกริยา)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • แสดงการกระทำ สภาพ หรือเหตุการณ์
  • ทำหน้าที่เป็น แกนหลักของประโยค (predicate)
  • ต้องพิจารณาร่วมกับ Tense, Aspect, Voice และ Modality

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
ในประโยค "She is writing a report."

  • is writing = Verb phrase ประกอบด้วย auxiliary verb + main verb
  • Verb แสดงการกระทำต่อเนื่องในปัจจุบัน (Present Continuous Tense)

3. Adjectives (คำคุณศัพท์)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • ขยายคำนาม เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คุณลักษณะ, ปริมาณ, หรือ ลำดับ
  • อาจทำหน้าที่เป็น ส่วนขยาย (modifier) หรือ ส่วนเติมเต็ม (subject complement)

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
ในประโยค "The tall man is a doctor."

  • tall = Adjective ขยายคำนาม “man”
  • ในประโยค "The sky is blue." คำว่า blue เป็น Subject Complement

4. Adverbs (คำกริยาวิเศษณ์)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • ขยายกริยา คุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์อื่น ๆ
  • บอก วิธีการ (manner), เวลา (time), สถานที่ (place), ความถี่ (frequency), หรือ ระดับ (degree)

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
“He runs quickly.”

  • quickly = adverb ขยาย verb “runs” (แสดงลักษณะการกระทำ)

5. Pronouns (คำสรรพนาม)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • ใช้แทนคำนาม เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวซ้ำ
  • ต้องพิจารณาความชัดเจนในการอ้างอิง (referent clarity)

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
“John said he was tired.”

  • he = pronoun แทน “John” (ต้องเข้าใจจากบริบทว่า “he” หมายถึงใคร)

6. Prepositions (บุพบท)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำในประโยค เช่น ความสัมพันธ์ทางสถานที่ เวลา หรือความเป็นเจ้าของ
  • ใช้กับ noun phrase เป็น prepositional phrase

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
“The book is on the table.”

  • on = preposition
  • on the table = prepositional phrase แสดงสถานที่

7. Conjunctions (คำสันธาน)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • เชื่อมคำ วลี หรือประโยคเข้าด้วยกัน
  • แบ่งเป็น coordinating, subordinating และ correlative conjunctions

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
“She studied hard, and she passed the exam.”

  • and = coordinating conjunction เชื่อมสอง independent clauses

8. Interjections (คำอุทาน)

หน้าที่ในเชิงวิเคราะห์:

  • แสดงความรู้สึกอย่างฉับพลัน มักไม่เชื่อมกับโครงสร้างหลักของประโยค

ตัวอย่างเชิงวิเคราะห์:
“Wow! That was amazing.”

  • Wow = interjection แสดงความประหลาดใจ

กิจกรรมเสริม: วิเคราะห์ประโยคจริง

ตัวอย่าง:
“Although she was tired, she completed her work efficiently.”

การวิเคราะห์เชิง Part of Speech:

  • Although = subordinating conjunction
  • she = pronoun
  • was = verb (linking verb)
  • tired = adjective (subject complement)
  • completed = main verb
  • her = possessive pronoun
  • work = noun
  • efficiently = adverb

คำถามท้ายบท (5 ข้อ)

  1. จงอธิบายหน้าที่ของ “noun” ในแต่ละโครงสร้างประโยค
  2. ประโยค “She gave him a gift.” คำว่า “him” ทำหน้าที่เป็นอะไร?
  3. การใช้ adverb มีผลต่อความหมายของประโยคอย่างไร?
  4. จงวิเคราะห์ประโยค “They will arrive before sunset.” โดยแยกชนิดของคำ
  5. ทำไมการแยกชนิดของคำในเชิงวิเคราะห์จึงสำคัญต่อการเขียนและตีความประโยคภาษาอังกฤษ?

แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันอังคาร, 15 กรกฎาคม 2025, 4:12PM